วุ้นกรอบ
ส่วนผสม
น้ำหรือน้ำลอบดอกมะลิ 2
ถ้วย
ผงวุ้น 1
ฃ้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2
ถ้วย
สีผสมอาหารตามชอบ
อุปกรณ์เฉพาะ
กระทะทองเบอร์ 11 ถาดสี่เหลี่ยมขนาด 5x9 นิ้ว สูง 1 นิ้ว พิมพ์สำหรับกดเป็นรูปต่างๆ เทอร์โมมิเตอร์
ลักษณะที่ดี
- วุ้นด้านนอกกรอบจากน้ำตาลที่เคลือบอยู่ เนื้อวุ้นด้านในนุ่มหนึบเหนียว
สีสวย และมีกลิ่นหอม
ข้อน่ารู้
1. การเคี่ยววุ้นควรใช้ไฟกลาง ถ้าใช้ไฟแรงวุ้นจะแห้งเกินไป แต่ถ้าใช้ไฟอ่อนน้ำตาลจะไม่ตกทราย2. การหยดสีวุ้นควรหยดให้สีเข้มเล็กน้อย เพราะเมื่อนำไปตากแดดแล้วสีจะซัดลง
3. พิมพ์ที่ใช้กดวุ้นควรเลือกใช้พิมพ์ที่มีขนาดเล็ก จะช่วยให้ขนมตกทรายเร็วขึ้น
1. ใส่น้ำกับผงวุ้นลงในกระทะทอง
คนให้วุ้นกระจายเข้ากัน พักไว้นานประมาณ 15 นาที เพื่อให้ผงวุ้นดูดน้ำได้ดีขึ้น
จากนั้นยกกระทะทองขึ้นตั้งบนไฟกลาง เคี่ยวจนผงวุ้นละลายหมด สังเกตจากพายไม้เมื่อยกขึ้นไม่มีผงวุ้นติดเป็นเม็ดๆ
จากนั้นใส่น้ำตาล คนให้ละลายเคี่ยวต่ออีกนาน 10 – 15 นาที
จนวุ้นเดือดเป็นฟองเต็มกระทะ (ใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดให้ได้อุณหภูมิ
95 องศาเซลเซียส) เทใส่ถ้วยแก้วที่มีขนาดพอดีกับวุ้น
หยดสีใส่ตามต้องการ คนให้เข้ากันทั่ว เทวุ้นใส่ถาดจะสูงประมาณ ½ ถาด พักไว้ให้วุ้นแข็งตัว จึงกดด้วยพิมพ์เป็นรูปต่างๆ
2. เรียงวุ้นใส่ตะแกรงที่วางบนถาด
นำไปตากแดด 1 วัน รุ่งขึ้นให้กลับวุ้นอีกด้านวางบนตะแกรงตากอีก 1-2 แดด
จนมีผลึกน้ำตาลเกาะขึ้นวุ้นทั่ว เก็บใส่ขวดโหล ปิดฝา (จำนวน 1 ถาด กดได้ 15 ชิ้น)
ลอดช่องน้ำกะทิ
ส่วนผสม
ตัวลอดช่อง
แป้งข้าวเจ้า 1
½ ถ้วย
แป้งเท้ายายม่อม 2 ช้อนโต๊ะ
แป้งมัน 1 ½ ช้อนโต๊ะ น้ำปูนใส 2 ถ้วย
น้ำใบเตยคั้นข้นๆ 1 ถ้วย
(ใบเตยหั่นชิ้นเล็ก 3 ถ้วย ปั่นกับน้ำ 1 ถ้วย กรองด้วยผ้าขาวบาง) 1 ถ้วย
น้ำแข็งทุบสำหรับจัดเสิร์ฟ
(ใบเตยหั่นชิ้นเล็ก 3 ถ้วย ปั่นกับน้ำ 1 ถ้วย กรองด้วยผ้าขาวบาง) 1 ถ้วย
น้ำแข็งทุบสำหรับจัดเสิร์ฟ
น้ำเชื่อมกะทิ
น้ำตาลปี๊บ ½ ถ้วย น้ำต้มใบเตย ¾ ถ้วย
หัวกะทิ ¾ ถ้วย
(มะพร้าวขูดขาว 400 กรัม คั้นไม่ใส่น้ำ)
เกลือสมุทร ½ ช้อนชา
อุปกรณ์เฉพาะ
- กระทะทองเบอร์ 11, พิมพ์กดลอดช่อง,ไม้แท่งกลม,เทียนอบ
น้ำตาลปี๊บ ½ ถ้วย น้ำต้มใบเตย ¾ ถ้วย
หัวกะทิ ¾ ถ้วย
(มะพร้าวขูดขาว 400 กรัม คั้นไม่ใส่น้ำ)
เกลือสมุทร ½ ช้อนชา
อุปกรณ์เฉพาะ
- กระทะทองเบอร์ 11, พิมพ์กดลอดช่อง,ไม้แท่งกลม,เทียนอบ
ลักษณะที่ดี
- ตัวลอดช่องควรมีความยาวประมาณ 2-21/2 นิ้ว ตรงกลางป่องเล็กน้อย หัวท้ายเรียวแหลม
- ลอดช่องนุ่มเหนียวอยู่ตัว ไม่เละ สีเขียวหอมใบเตย
- น้ำเชื่อมกะทิมีกลิ่นหอมรสหวานจากน้ำตาลปี๊บและมีความมันของกะทิ
ข้อน่ารู้
1. น้ำปูนใสควรทำเตรียมไว้ล่วงหน้า 1 วัน โดยใช้อัตราส่วนปูนแดงหรือปูนขาว ¾ ถ้วย ต่อน้ำ 10 ถ้วย
2.การนวดแป้งกับน้ำปูนใส ½ ถ้วยก่อนในตอนแรกจะช่วยให้ตัวลอดช่องมีความเหนียวมากขึ้น
3.ถ้าใช้ไฟอ่อนเกินไปจะทำให้แป้งไม่อยู่ตัว และเมื่อกดแป้งออกมาจะได้ตัวลอดช่องที่นิ่มเกินไป
4. ขณะที่กดตัวลอดช่องให้ใช้พายยางคนไปทางเดียวกัน เพื่อไม่ให้ตัวลอดช่องเป็นก้อนทับกัน
5.การเตรียมน้ำกะทิตามสูตรจะช่วยไม่ให้กะทิเป็นลูกน้ำกะทิที่ได้ควรใช้วันต่อวัน ไม่ควรเก็บค้างคืน
- ตัวลอดช่องควรมีความยาวประมาณ 2-21/2 นิ้ว ตรงกลางป่องเล็กน้อย หัวท้ายเรียวแหลม
- ลอดช่องนุ่มเหนียวอยู่ตัว ไม่เละ สีเขียวหอมใบเตย
- น้ำเชื่อมกะทิมีกลิ่นหอมรสหวานจากน้ำตาลปี๊บและมีความมันของกะทิ
ข้อน่ารู้
1. น้ำปูนใสควรทำเตรียมไว้ล่วงหน้า 1 วัน โดยใช้อัตราส่วนปูนแดงหรือปูนขาว ¾ ถ้วย ต่อน้ำ 10 ถ้วย
2.การนวดแป้งกับน้ำปูนใส ½ ถ้วยก่อนในตอนแรกจะช่วยให้ตัวลอดช่องมีความเหนียวมากขึ้น
3.ถ้าใช้ไฟอ่อนเกินไปจะทำให้แป้งไม่อยู่ตัว และเมื่อกดแป้งออกมาจะได้ตัวลอดช่องที่นิ่มเกินไป
4. ขณะที่กดตัวลอดช่องให้ใช้พายยางคนไปทางเดียวกัน เพื่อไม่ให้ตัวลอดช่องเป็นก้อนทับกัน
5.การเตรียมน้ำกะทิตามสูตรจะช่วยไม่ให้กะทิเป็นลูกน้ำกะทิที่ได้ควรใช้วันต่อวัน ไม่ควรเก็บค้างคืน
ขั้นตอนการทำลอดช่องน้ำกะทิ
1. เตรียมน้ำเย็นจัดและพิมพ์สำหรับกดลอดช่องไว้
2. ทำเส้นลอดช่องไทยโดยผสมแป้งทั้ง 3 ชนิดเข้าด้วยกันในกระทะทอง ค่อยๆใส่น้ำปูนใสประมาณ ½ ถ้วย คนให้แป้งเข้ากัน แล้วใส่น้ำปูนใสที่เหลือและน้ำใบเตย คนให้เข้ากัน ยกกระทะทองตั้งบนไฟกลางค่อนค้างแรง กวนจนแป้งเริ่มข้น ลดไฟลง กวนต่อจนแป้งเหนียว กวนนานประมาณ 25 นาที ถ้ากวนแป้งลอดช่องได้ที่เมื่อยกพายไม้ขึ้นส่วนผสมจะไหลลงมาช้าๆเป็นแพขนาดความกว้างเท่าพายไม้ หรือสามารถทดสอบโดยตักแป้งลอดช่องใส่ในน้ำเย็นแล้วรอนานประมาณ 1 นาทีให้แป้งอยู่ตัว ลองใช้มือบีบดูถ้าแป้งเป็นตัวไม่ละลายไปกับน้ำแสดงว่าใช้ได้ ปิดไฟ ยกลง เทแป้งลอดช่องที่กวนใส่พิมพ์กดลอดช่อง กดลงในน้ำเย็นจัด ขณะที่กดให้กดแล้วหยุดสลับกันไปจนแป้งหมด เสร็จแล้วให้แช่เส้นลอดช่องไว้ในน้ำเย็นนานประมาณ 5 นาที จึงใช้ทัพพีโปร่งตักหรือเทตัวลอดช่องใส่กระชอน พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2. ทำเส้นลอดช่องไทยโดยผสมแป้งทั้ง 3 ชนิดเข้าด้วยกันในกระทะทอง ค่อยๆใส่น้ำปูนใสประมาณ ½ ถ้วย คนให้แป้งเข้ากัน แล้วใส่น้ำปูนใสที่เหลือและน้ำใบเตย คนให้เข้ากัน ยกกระทะทองตั้งบนไฟกลางค่อนค้างแรง กวนจนแป้งเริ่มข้น ลดไฟลง กวนต่อจนแป้งเหนียว กวนนานประมาณ 25 นาที ถ้ากวนแป้งลอดช่องได้ที่เมื่อยกพายไม้ขึ้นส่วนผสมจะไหลลงมาช้าๆเป็นแพขนาดความกว้างเท่าพายไม้ หรือสามารถทดสอบโดยตักแป้งลอดช่องใส่ในน้ำเย็นแล้วรอนานประมาณ 1 นาทีให้แป้งอยู่ตัว ลองใช้มือบีบดูถ้าแป้งเป็นตัวไม่ละลายไปกับน้ำแสดงว่าใช้ได้ ปิดไฟ ยกลง เทแป้งลอดช่องที่กวนใส่พิมพ์กดลอดช่อง กดลงในน้ำเย็นจัด ขณะที่กดให้กดแล้วหยุดสลับกันไปจนแป้งหมด เสร็จแล้วให้แช่เส้นลอดช่องไว้ในน้ำเย็นนานประมาณ 5 นาที จึงใช้ทัพพีโปร่งตักหรือเทตัวลอดช่องใส่กระชอน พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
3.
ทำน้ำเชื่อมกะทิโดยผสมน้ำตาลปี๊บกับน้ำต้มใบเตยเข้าด้วยกันในกระทะทอง
ยกขึ้นตั้งบนไฟกลาง คนจนน้ำตาลละลายเคี่ยวให้เดือดเป็นฟองเล็กๆ ใส่หัวกะทิและเกลือ
คนพอเข้ากันและเกลือละลายทั่ว ปิดไฟ ยกลง ใส่ถ้วย
พักไว้ให้เย็นจากนั้นนำถ้วยน้ำเชื่อมกะทิที่เคี่ยวไว้มาวางในชั้นลังถึง
จุดเทียนอบขนมให้ติดไฟ เอียงเปลวไฟให้ลนมาโดนตัวขี้ผึ้งของเทียน พัดให้ไฟดับ วางลงในถ้วยที่มีขนาดพอดีกับเทียน
นำไปใส่ในชั้นลังถึงเดียวกับน้ำกะทิ ปิดฝาลังถึงให้สนิทใช้เวลาอบประมาณ 20 นาที
4.
วิธีจัดเสิร์ฟ ตักตัวลอดช่องใส่ถ้วย ใส่น้ำเชื่อมกะทิและน้ำแข็ง
สังขยาฟักทอง ส่วนผสม
ฟักทองลูกเล็ก (200 กรัม) 1 ลูก
ไข่ไก่ (ฟอง 60-65 กรัม) 4 ฟอง
น้ำตาลปี๊บ ¼ ถ้วย+1 ช้อนโต๊ะ
หัวกะทิ ½ ถ้วย +2 ช้อนโต๊ะ
(มะพร้าวขูดขาว 300 กรัม คั้นไม่ใส่น้ำ)
ใบเตยมัดเป็นปม (หรือใช้ใบตองแห้ง) 3 ใบ
อุปกรณ์เฉพาะ
- ลังถึง,ถ้วยขนาดพอดีกับฟักทอง
ฟักทองลูกเล็ก (200 กรัม) 1 ลูก
ไข่ไก่ (ฟอง 60-65 กรัม) 4 ฟอง
น้ำตาลปี๊บ ¼ ถ้วย+1 ช้อนโต๊ะ
หัวกะทิ ½ ถ้วย +2 ช้อนโต๊ะ
(มะพร้าวขูดขาว 300 กรัม คั้นไม่ใส่น้ำ)
ใบเตยมัดเป็นปม (หรือใช้ใบตองแห้ง) 3 ใบ
อุปกรณ์เฉพาะ
- ลังถึง,ถ้วยขนาดพอดีกับฟักทอง
ลักษณะที่ดี
- สังขยามีกลิ่นหอม รสหวานมัน เนื้อฟักทองเหนียวและมัน
ข้อน่ารู้ 1. เลือกฟักทองที่มีเนื้อเหนียวและขนาดไม่ใหญ่มากเพื่อให้นึ่งสุกเร็วและเนื้อไม่และ
2.เวลานึ่งไม่ควรใช้ไฟแรงมากเกินเพราะจะทำให้ฟักทองแตก
- สังขยามีกลิ่นหอม รสหวานมัน เนื้อฟักทองเหนียวและมัน
ข้อน่ารู้ 1. เลือกฟักทองที่มีเนื้อเหนียวและขนาดไม่ใหญ่มากเพื่อให้นึ่งสุกเร็วและเนื้อไม่และ
2.เวลานึ่งไม่ควรใช้ไฟแรงมากเกินเพราะจะทำให้ฟักทองแตก
ขั้นตอนการทำสังขยาฟักทอง
1. ล้างเปลือกฟักทองให้สะอาด ใช้มีดปลายแหลมเจาะตรงขั้วฟักทองออกให้เป็นฝา
ตักไส้ออกให้หมด ล้างผลฟักทอง อีกครั้งให้สะอาด ทั้งด้านนอกและด้านใน
แล้วคว่ำลงพักให้แห้ง
2. ตอกไข่ใส่อ่างผสม ใส่น้ำตาล หัวกะทิ และใบเตย ขยำให้น้ำตาลละลายหมด แล้วกรองด้วยผ้าขาวบางหรือกระชอน ใส่ถ้วย พักไว้
3. ใส่น้ำในหม้อลังถึงประมาณ ¾ ของลังถึง ปิดฝา ยกขึ้นตั้งบนไฟแรง รอจนน้ำเดือด จึงวางฟักทองลงในถ้วย ใส่สังขยาลงในผลฟักทองให้เหลือปากประมาณ 1 นิ้ว พร้อมวางฝาฟักทองไว้ข้างๆ เมื่อน้ำเดือดให้นำไปนึ่งโดยลดเป็นไฟกลาง นึ่งนานประมาณ 30-45 นาที หรือจนสุกยกลงพักให้เย็นสนิท เมื่อจะเสริ์ฟจึงหั่นฟักทองเป็นเสี้ยวจัดใส่จาน
2. ตอกไข่ใส่อ่างผสม ใส่น้ำตาล หัวกะทิ และใบเตย ขยำให้น้ำตาลละลายหมด แล้วกรองด้วยผ้าขาวบางหรือกระชอน ใส่ถ้วย พักไว้
3. ใส่น้ำในหม้อลังถึงประมาณ ¾ ของลังถึง ปิดฝา ยกขึ้นตั้งบนไฟแรง รอจนน้ำเดือด จึงวางฟักทองลงในถ้วย ใส่สังขยาลงในผลฟักทองให้เหลือปากประมาณ 1 นิ้ว พร้อมวางฝาฟักทองไว้ข้างๆ เมื่อน้ำเดือดให้นำไปนึ่งโดยลดเป็นไฟกลาง นึ่งนานประมาณ 30-45 นาที หรือจนสุกยกลงพักให้เย็นสนิท เมื่อจะเสริ์ฟจึงหั่นฟักทองเป็นเสี้ยวจัดใส่จาน
ถั่วกวน
ส่วนผสม
ถั่วเขียวเราะเปลือก (ถั่วทอง) 1 ถ้วย
กะทิ 1 ½ ถ้วย
(มะพร้าวขูดขาว 250 กรัม คั้นกับน้ำอุ่น 1 ¼ ถ้วย )
มะพร้าวขูดขาว ½ ถ้วย น้ำตาลทราย ¾ ถ้วย
อุปกรณ์เฉพาะ - ลังถึง,กระทะทองเบอร์ 11,พายไม้,พิมพ์ถั่วกวน (ข้าวตู),เทียนอบ
ส่วนผสม
ถั่วเขียวเราะเปลือก (ถั่วทอง) 1 ถ้วย
กะทิ 1 ½ ถ้วย
(มะพร้าวขูดขาว 250 กรัม คั้นกับน้ำอุ่น 1 ¼ ถ้วย )
มะพร้าวขูดขาว ½ ถ้วย น้ำตาลทราย ¾ ถ้วย
อุปกรณ์เฉพาะ - ลังถึง,กระทะทองเบอร์ 11,พายไม้,พิมพ์ถั่วกวน (ข้าวตู),เทียนอบ
ลักษณะที่ดี
-ขนมมีเนื้อนุ่มเนียน สีเหลือง มีรสหวานมันและกลิ่นหอม
ข้อน่ารู้ 1.เวลากวนถ้าใช้ไฟอ่อนมากจนเกินไปจะทำให้ต้องกวนนานขึ้น และทำให้ขนมแตกมันได้
2. ถั่วกวนนำไปใช้ทำขนมอื่นได้ เช่น เม็ดขนุน หันตรา ลูกชุบ แต่ไม่ต้องใส่มะพร้าวขูดขาว
-ขนมมีเนื้อนุ่มเนียน สีเหลือง มีรสหวานมันและกลิ่นหอม
ข้อน่ารู้ 1.เวลากวนถ้าใช้ไฟอ่อนมากจนเกินไปจะทำให้ต้องกวนนานขึ้น และทำให้ขนมแตกมันได้
2. ถั่วกวนนำไปใช้ทำขนมอื่นได้ เช่น เม็ดขนุน หันตรา ลูกชุบ แต่ไม่ต้องใส่มะพร้าวขูดขาว
ขั้นตอนการทำถั่วกวน
1. คัดเลือกเอาถั่วเม็ดลีบ แบน ดำ และเศษผงที่ปนมากับถั่วออกให้หมด ล้างถั่วให้สะอาด นำไปแช่อ่างน้ำ 1 คืน หรืออย่างน้อย 3 ชั่วโมง สงถั่วขึ้นแล้วล้างน้ำให้สะอาดใส่กระชอนพักให้สะเด็ดน้ำ นำไปนึงในชั้นลังถึงบนหม้อน้ำเดือดจนถั่วสุกบาน ยกลง พักไว้จนถั่วนึ่งอุ่น
2. ปั่นถั่วนึ่งกับกะทิเข้าด้วยกันจนเนื้อละเอียดเนียน ใส่ถั่วปั่นกับมะพร้าวขูดขาวลงในกระทะทอง ยกขึ้นตั้งบนไฟอ่อน กวนด้วยพายไม้จนส่วนผสมข้นและเริ่มแห้ง จึงใส่น้ำตาลแล้วกวนต่อจนเริ่มล่อนจากกระทะหรือใช้มือแตะแล้วไม่ติดมือ ปิดไฟ ยกลง ตักใส่ถาด พักไว้ให้เย็น
3. นวดถั่วกวนที่พักไว้ให้นุ่มเนียนอีกครั้ง ปั้นเป็นก้อนโดยชั่งให้น้ำหนักก้อนละ 10-15 กรัม (แล้วแต่ขนาดพิมพ์ที่ใช้ว่าเล็กหรือใหญ่) อัดใส่พิมพ์ ใช้พิมพ์กดให้เป็นรอยตามพิมพ์ แล้วแกะออกจากพิมพ์ เรียงใส่ภาชนะที่มีฝาปิดอบควันเทียนนานประมาณ 30 นาที
1. คัดเลือกเอาถั่วเม็ดลีบ แบน ดำ และเศษผงที่ปนมากับถั่วออกให้หมด ล้างถั่วให้สะอาด นำไปแช่อ่างน้ำ 1 คืน หรืออย่างน้อย 3 ชั่วโมง สงถั่วขึ้นแล้วล้างน้ำให้สะอาดใส่กระชอนพักให้สะเด็ดน้ำ นำไปนึงในชั้นลังถึงบนหม้อน้ำเดือดจนถั่วสุกบาน ยกลง พักไว้จนถั่วนึ่งอุ่น
2. ปั่นถั่วนึ่งกับกะทิเข้าด้วยกันจนเนื้อละเอียดเนียน ใส่ถั่วปั่นกับมะพร้าวขูดขาวลงในกระทะทอง ยกขึ้นตั้งบนไฟอ่อน กวนด้วยพายไม้จนส่วนผสมข้นและเริ่มแห้ง จึงใส่น้ำตาลแล้วกวนต่อจนเริ่มล่อนจากกระทะหรือใช้มือแตะแล้วไม่ติดมือ ปิดไฟ ยกลง ตักใส่ถาด พักไว้ให้เย็น
3. นวดถั่วกวนที่พักไว้ให้นุ่มเนียนอีกครั้ง ปั้นเป็นก้อนโดยชั่งให้น้ำหนักก้อนละ 10-15 กรัม (แล้วแต่ขนาดพิมพ์ที่ใช้ว่าเล็กหรือใหญ่) อัดใส่พิมพ์ ใช้พิมพ์กดให้เป็นรอยตามพิมพ์ แล้วแกะออกจากพิมพ์ เรียงใส่ภาชนะที่มีฝาปิดอบควันเทียนนานประมาณ 30 นาที
ขนมลืมกลืน ส่วนผสม
ถั่วเขียวเราะเปลือก (ถั่วทอง) 3
ช้อนโต๊ะ
หน้ากะทิ
แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ
แป้งถั่วเขียว (แป้งซาหริ่ม) 2 ช้อนโต๊ะ
กลือสมุทร 1 ¼ ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ +2ช้อนชา
กะทิ 1 ถ้วย
(มะพร้าวขูดขาว 300 กรัม คั้นกับน้ำอุ่น ½ ถ้วย)
ตัวขนม
แป้งถั่วเขียว (แป้งซาหริ่ม) ½ ถ้วย
แป้งเท้ายายม่อม 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย ¾ ถ้วย น้ำใบเตย 2 ¾ ถ้วย
(ใบเตยหั่นชิ้นเล็ก 1 ถ้วย ปั่นกับน้ำ 3 ถ้วย)
อุปกรณ์เฉพาะ - กระทะทองเบอร์ 11, พายไม้,ถ้วยวุ้นพลาสติก,ถุงบีบ,หัวบีบรูปดาว
หน้ากะทิ
แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ
แป้งถั่วเขียว (แป้งซาหริ่ม) 2 ช้อนโต๊ะ
กลือสมุทร 1 ¼ ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ +2ช้อนชา
กะทิ 1 ถ้วย
(มะพร้าวขูดขาว 300 กรัม คั้นกับน้ำอุ่น ½ ถ้วย)
ตัวขนม
แป้งถั่วเขียว (แป้งซาหริ่ม) ½ ถ้วย
แป้งเท้ายายม่อม 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย ¾ ถ้วย น้ำใบเตย 2 ¾ ถ้วย
(ใบเตยหั่นชิ้นเล็ก 1 ถ้วย ปั่นกับน้ำ 3 ถ้วย)
อุปกรณ์เฉพาะ - กระทะทองเบอร์ 11, พายไม้,ถ้วยวุ้นพลาสติก,ถุงบีบ,หัวบีบรูปดาว
ลักษณะที่ดี
- ขนมลืมกลืนมีสีอ่อน แป้งใส
นุ่ม รสหวานพอดี หน้ากะทิมีสีขาว เค็มพอดี
ข้อน่ารู้
1.
ถ้าต้องการให้ขนมมีหลายสี
ให้แบ่งกวนเป็นส่วนๆ
โดยเปลี่ยนจากน้ำใบเตยเป็นน้ำลอยดอกมะลิแล้วแบ่งใส่สีตามชอบ ใช้น้ำดอกอัญชัน น้ำคั้นจากหัวบีทรูทหรือน้ำคั้นจากดอกกรรณิการ์ก็ได้
2.ช้อนตักตัวขนมหยอดลงในถ้วยวุ้นแล้วควรใช้ช้อนอีกคันปาดเพื่อให้ตัวขนมไหลลงในถ้วยเร็วขึ้น และควรหยอดตัวขนมจนเกือบเต็มพิมพ์เพื่อให้ดูสวยเมื่อหยอดหน้า
3.ถ้าหน้าขนมไม่ค่อยแข็งตัวให้นำไปแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดานานประมาณ 10 นาที จะช่วยให้บีบได้ง่ายขึ้น
4.นอกจากบีบหน้าขนมเป็นรูปดาวแล้วจะใช้ช้อนตักหยอดก็ได้แต่ต้องหยอดตอนที่หน้ายังร้อนหรืออุ่นอยู่เพื่อให้หน้าเนียนสวย
2.ช้อนตักตัวขนมหยอดลงในถ้วยวุ้นแล้วควรใช้ช้อนอีกคันปาดเพื่อให้ตัวขนมไหลลงในถ้วยเร็วขึ้น และควรหยอดตัวขนมจนเกือบเต็มพิมพ์เพื่อให้ดูสวยเมื่อหยอดหน้า
3.ถ้าหน้าขนมไม่ค่อยแข็งตัวให้นำไปแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดานานประมาณ 10 นาที จะช่วยให้บีบได้ง่ายขึ้น
4.นอกจากบีบหน้าขนมเป็นรูปดาวแล้วจะใช้ช้อนตักหยอดก็ได้แต่ต้องหยอดตอนที่หน้ายังร้อนหรืออุ่นอยู่เพื่อให้หน้าเนียนสวย
ขั้นตอนการทำขนมลืมกลืน
1. แช่ถั่วในน้ำนานประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วใส่กระชอนพักให้สะเด็ดน้ำ จึงนำถั่วไปคั่วในกระทะด้วยไฟอ่อน จนถั่วสุกและกรอบ ตักใส่ถ้วย
เตรียมไว้
2.
ทำหน้าขนมโดยใส่แป้งข้าวเจ้า แป้งถั่วเขียว
เกลือ และน้ำตาล ลงในกระทะทอง
ค่อยๆใส่กะทิลงไปทีน้อย
คนให้เข้ากันจนหมด
ยกกระทะทองขึ้นตั้งบนไฟกลาง
ใช้พายไม้กวนจนกะทิเริ่มข้น ลดไฟกวนต่อจนแป้งสุก ปิดไฟ
ยกลงจากเตา ตักใส่ถ้วย
พักไว้ให้เย็น
3.
ทำตัวขนมโดยใส่แป้งทั้ง 2 ชนิดกับน้ำตาลลงในกระทะทอง
คนพอเข้ากัน
ค่อยๆใส่น้ำใบเตยลงไปคนให้เข้ากันดียกกระทะทองขึ้นตั้งบนไฟกลาง กวนจนแป้งเริ่มจับตัวเป็นก้อนและข้นขึ้น ลดเป็นไฟอ่อน
กวนต่อจนส่วนผสมข้นใสและเมื่อปาดพายไม้ไปที่ก้นกระทะส่วนผสมจะไหลมาหากันช้าๆ ปิดไฟ
4.
ยกกระทะทองวางบนกระทะอีกใบที่ใส่น้ำไว้เล็กน้อย ยกขึ้นตั้งบนไฟอ่อน
เพื่อไม่ให้ส่วนผสมแข็งตัวระหว่างหยอดใช้ช้อนตักตัวขนมหยอดลงในถ้วยวุ้นหรือจะหยอดใส่ถ้วยตะไลหรือกระทงใบตองก็ได้
ใช้ช้อนอีกคันปาดส่วนผสมลงไปหยอดเกือบเต็มพิมพ์ ทำจนหมด
แล้วนำส่วนผสมหน้าขนมใส่ถุงบีบที่ใส่หัวบีบรูปดาว บีบลงตรงกลางตัวขนม ทำจนครบ
แล้วโรยถั่วที่คั่วไว้ประมาณถ้วยละ 2-3 เม็ด
ข้อมูลได้มาจาก : นิดดา หงษ์วิวัฒน์.ขนมไทย2.กรุงเทพมหานคร:แสงแดด,2554
ข้อมูลได้มาจาก : นิดดา หงษ์วิวัฒน์.ขนมไทย2.กรุงเทพมหานคร:แสงแดด,2554
จะลองไปทำนะ...
ตอบลบน่าสนใจดีคะ
ตอบลบเกล็ดความรู้ดีมากคะ
ตอบลบน่าทานมากเลยค่ะ พอดีเป็นคนชอบทานขนมหวานค่ะ
ตอบลบได้ความรู้มากเรยคร้า...จะลองไปทำนะคะ
ตอบลบจะลองทำดูค่ะ
ตอบลบ